OPI-THAILAND.COM Slogan slogan slogan
Simple New simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simple simle
***Note: Right click here. And select for Edit header image ***
Search

Main Menu
Counter

สถิติ ผู้เข้าชม
วันนี้ :: 1 คน || เมื่อวาน : 31 คน ||
เดือนนี้ : 718 คน ||  ทั้งหมด : 1337313 คน 


Link
My marquee text
Welcome to Website .........
 

 

ประสบการณ์ของผู้เรียนเพ้นท์เล็บ-ต่อเล็บ ในรูปแบบและสถานที่เรียนต่าง ๆ
เพื่อเป็นประโยนช์ในการตัดสินใจเลือกสถานที่เรียนเพ้นท์เล็บ

          1.บทเรียนของการเรียนกับร้านเพ้นท์เล็บ ฝนเคยเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่แถวรังสิตค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบต่อเล็บ เพ้นท์เล็บ เลยสนใจอยากทำธุรกิจเพ้นท์เล็บเพิ่มเติม เพราะบางทีเสื้อผ้าก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่จะเห็นร้านทำเล็บหลายร้านมีลูกค้าเข้ากันตลอดไม่ขาดสาย จึงตัดสินใจไปเรียนกับร้านเพ้นท์เล็บที่ฝนเคยไปใช้บริการประจำแถวลำลูกกา แต่ก็ต้องผิดหวังค่ะ รู้สึกว่าไปเรียนแล้วเหมือนไม่ได้อะไรเลย  เหมือนถูกทิ้งมากกว่า เพราะคนสอนต้องไปรับลูกค้า ทั้งๆ ที่เราเสียเงินมาเรียน และเสียรายได้จากการที่ปิดร้านมาเรียนด้วย  บางวันเขามีลูกค้าเข้ามาในร้านตลอด เราก็ต้องรอจนกว่าจะรับลูกค้าเสร็จ  แถมคนในร้านก็พลุกพล่าน เสียงดัง   ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่นัก  เพราะการเรียนเพ้นท์เล็บ สมาธิถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้จำไว และเข้าใจได้ง่าย  อีกทั้งเมื่อถามถึงเทคนิคเพิ่มเติม ก็จะอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ เขาคงกลัวว่าเราจะไปเปิดร้านแข่งกับเขา  รู้สึกเสียดายเงิน เสียดายเวลา แถมยังไม่ได้เทคนิคอะไรเพิ่มเติมด้วย ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเลยค่ะ สรุปคือเราต้องเสียเงินซ้ำอีกครั้งที่ 2 เพื่อไปเรียนกับสถาบันที่เน้นเรื่องการสอนเพียงอย่างเดียว

          2.ตกเป็นทาสแบรนด์เมื่อต้องฝากอนาคตของร้านไว้กับผลิตภัณฑ์นั้น ส้มลาออกจากงานประจำมา มีทุนประมาณสี่-ห้าหมื่นบาทค่ะ เลยอยากจะประกอบธุรกิจส่วนตัวสักอย่าง ส้มจึงเลือกไปเรียนต่อเล็บกับแบรนด์หนึ่ง โดยซื้อผลิตภัณฑ์และได้เรียนฟรี แต่พอเวลาเรียน  ผู้สอนจะมุ่งไปที่แบรนด์ของเขาอย่างเดียว  จบแล้วพออยากจะไปใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นก็ทำไม่ได้ เพราะผู้สอนไม่ได้เน้นให้เข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริงจะเข้าใจแค่ชื่อเบอร์และชื่อรุ่นของผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็จะแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ สำคัญคือยังต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเช่น พู่กัน หรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำเพิ่มเติมอีกหลายตัว เพราะไม่ได้รวมอยู่ในเซ็ทที่ซื้อไปครั้งแรก  สรุปแล้วค่าใช้จ่ายบานปลาย แถมยังไม่รู้อะไรแบบจริงๆ จังๆ เสียเงินฟรี อุปกรณ์ยังกองรอวันหมดอายุอยู่เลยค่ะ

           3.งบบานปลายเพราะเลือกเรียนในราคาถูกที่สุด ไก่ตัดสินใจเลือกเรียนกับสถาบันแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวเพราะราคาค่าเรียนถูกที่สุด และคิดว่าแต่ละสถาบันคงสอนเหมือนๆ กัน แต่พอไปเรียนก็ต้องพบว่าเขาไม่มีผลิตภัณฑ์ให้เรานำกลับบ้าน มีแค่ให้ใช้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น หากอยากเอากลับไปทบทวนที่บ้านก็ต้องซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มอีกจำนวนมากมาย ซึ่งเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เราเรียนเราก็อยากกลับไปฝึกไปทบทวนไปลองทำให้เพื่อนที่บ้าน เราก็ต้องซื้อของเขาหมดไปอีกเป็นหมื่น ฝนจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุผลนี้เอง เขาถึงคิดราคาค่าสอนถูกๆ เพื่อหลอกให้เรามาซื้อผลิตภัณฑ์ของเขาอีกหลายหมื่นบาท มิน้ำซ้ำยังไม่เน้นเรื่องการสอนสักเท่าไหร่ แต่จะเน้นการขายผลิตภัณฑ์มากกว่า ยิ่งถ้าใครจะเปิดร้านต้องใช้ผลิตภัณฑ์เยอะๆ เขาก็จะยิ่งดูแลดีหน่อย แต่ไก่ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเพราะทุนน้อย เขาก็เลยไม่ค่อยสนใจ แต่ที่แย่ที่สุด รวมๆ แล้วกลายเป็นว่าไก่เสียค่าเรียนแพงกว่าที่อื่น 2-3 เท่าตัว ไก่ก็ไม่อยากให้เพื่อนโดนหลอกเหมือนไก่ เพราะเห็นว่าค่าเรียนถูกกว่าที่ เลยเศร้าค่ะอยากเตือนเพื่อน ๆ ว่าควรถามเขาให้ชัดเจนว่า เขามีอุปกรณ์ให้กลับบ้านทั้งหมดหรือเปล่า ถ้าเขาตอบว่ามีให้ใช้ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แสดงว่าเราต้องซื้อของเขากลับบ้านเองอีกหลายหมื่น อย่าตกหลุมพราง เพราะราคาถูก แต่รอเราไปติดกับดักซื้อของนะคะ

          4.ทักษะการเรียนรู้ของคนไม่เท่ากัน นาได้ตัดสินใจเลือกเรียนกับสถาบันแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เขาจะกำหนดเวลาให้เราเรียนประมาณ 10 วัน สอนเป็นรอบๆ ทุกคนจะเรียนเหมือนกันหมด นาไม่เข้าใจบางวิธีการแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากเพราะเกรงใจเพื่อนในห้องเรียนเพราะเขาก็จะช้าไปกับเราด้วย ก็ต้องเลยตามเลยไปซะส่วนใหญ่จนจบ แล้วเขาก็รีบให้เราจบทั้งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ นาไม่มีพื้นฐานมาก่อนด้วย และพอเรียนจบมาได้ประมาณ  1 เดือน แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจเพราะตอนเรียนรวมกันก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่แล้ว จึงขอกลับไปทบทวนเพิ่มเติมอีก  แต่กลับถูกปฏิเสธว่าที่เต็ม และต้องจ่ายเงินเพิ่ม หรือซื้อของเพิ่มถ้าจะกลับมาเรียนซ้ำเพราะถือว่าเรียนจบไปแล้ว สรุปว่าทุกวันนี้นาก็ยังทำธุรกิจเพ้นท์เล็บไม่ได้ ต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์และรู้สึกเซ็ง ๆ กับธุรกิจนี้ไปเลย ถ้าเพื่อน ๆ อยากหาที่เรียนควรถามเขาว่า กำหนดเวลาเรียนหรือเปล่า ถ้าเขาอ้ำๆ อึงๆ  ไม่ชัดเจน ไม่กล้ายืนยันกับเราว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้แสดงว่าเรากลับมายาก ควรหาที่ระบุในใบเสร็จหรือใบสมัครให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องโดนหลอกเป็นเยื่อเหมือนนา

         จากประสบการณ์ของผู้ผ่านการอบรมในรูปแบบต่างๆ น่าจะช่วยให้ผู้สนใจในธุรกิจเพ้นท์เล็บได้แง่คิด และมุมมองในการตัดสินใจเลือกสถานที่เรียนได้อย่างถูกต้อง
1. ต้องเป็นสถาบันที่มุ่งเน้นเรื่องการเรียนการสอนสอนเพ้นท์เล็บ-ต่อเล็บเป็นหลัก สอนให้เข้าใจธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ เมื่อเราจบแล้วเราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับกลุ่มลูกค้า น่าจะดีที่สุด
2. ต้องไม่จำกัดเวลาเรียนมากนัก เพราะการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนเข้าใจง่ายใช้เวลาน้อย แต่บางคนต้องใช้เวลานาน ต้องสามารถกลับไปเรียนซ้ำได้โดยไม่มีข้อจำกัด ให้ซื้อเพิ่ม หรือต้องเสียเงินเพิ่มอีก
3. ต้องพิจารณาเรื่องราคาให้ดี ให้สมเหตุสมผล บางสถาบันตัดราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าถูกแล้วเราต้องไปหาที่เรียนใหม่ หรือหลอกให้เราไปซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มก็ไม่คุ้มอยู่ดี
4. สุดท้ายอยากเพิ่มเติมเรื่องของผู้สอน ควรมีทีมงานที่หลากหลาย และต้องชำนาญเรื่องการถ่ายทอด เพราะช่างเพ้นท์เล็บเก่งๆ บางคนก็ไม่สามารถถ่ายทอดได้ อีกทั้งยังไม่เข้าใจคนที่ไม่มีพื้นฐาน หากยิ่งสอนคนเดียวทุกอย่าง ทุกวิชา ยิ่งแล้วใหญ่ นักเรียนก็จะไม่ได้รับความเข้าใจ สุดท้ายก็เสียเงินฟรี

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ฝ่ายดูแลนักเรียน  TEL : 081 867 7007 กด 1  แล้วคุณจะเข้าใจว่าเราเหนือกว่าอย่างไร เพราะเราจะเดินเคียงข้างคุณในธุรกิจตกแต่งเล็บได้อย่างอุ่นใจว่าคุณไม่ได้เดินโดยลำพัง "เราสัญญา"  และที่สำคัญกว่านั้นเราทำได้ตามสัญญามาแล้ว 5 ปี สร้างช่างผู้ชำนาญงาน เพ้นท์เล็บ มาแล้วหลายพันท่าน สร้างผู้บริหารธุรกิจเพ้นท์เล็บมาแล้วมากมาย


More


Copyright (c) 2006 by Nail Studio Academy